ลาตินแดนซ์(Latin Dance)
คือหนึ่งในหลายๆ แขนงของการเต้นรำ ท่วงท่าลีลาและจังหวะดนตรีมีต้นกำเนิดมาจากการเต้นรำพื้นเมืองของประเทศใน แถบลาตินอเมริกา ส่วนใหญ่จะเต้นกันในงานเลี้ยงฉลอง หรืองานเทศกาล เน้นจังหวะที่สนุกสนานเร้าใจด้วยสเต็ปง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไม่มีแบบแผนตายตัว แต่มีเอกลักษณ์
“ลีลาที่เร่าร้อนสอดรับกับจังหวะเสียงเพลงที่เร้าใจ ทำให้คุณรู้สึกถึงพลังและความเซ็กซี่ของตัวเอง” คุณจิ๋ม-ผาสุข ปลัดรักษา ครูสอนคลาส ลาตินเฟียสต้า(Latin Fiesta) ให้คำนิยาม
“การเต้นรำสไตล์ลาตินเริ่มโด่งดังในยุโรปและอเมริกาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้ง ที่ 1 สำหรับในประเทศไทยเพิ่งเข้ามาแพร่หลายได้ไม่กี่ปี แต่ถึงแม้จะเข้ามาได้ไม่นาน การเต้นสไตล์นี้ก็ทำให้ใครต่อใครหลายคนหลงใหลไม่น้อยทีเดียว การเต้นลาตินแบ่งเป็น 2 แบบ แบบแรกคือสไตล์ลาตินอเมริกัน มีอยู่ 5 จังหวะ คือ Cha Cha Cha, Cuban Rumba, Samba, Paso Doble และ Jive หรือ Rock'n'Roll แต่ละจังหวะจะมีจุดเด่นที่ต่างกันไป เช่น Cha Cha Cha ที่ดูเหมือนการเต้นหยอกล้อเกี้ยวพาราสี Samba เป็นลีลาการเต้นในงานเทศกาลต่างๆ ของชาวบราซิล ขณะที่ Cuban Rumba มาจากประเทศคิวบา จะเต้นแบบยั่วยวนนิดๆ แบบที่สองคือลาตินแบบ Social ซึ่งมีหลายประเภทมากๆ ที่โด่งดังที่สุดคือ Salsa ซึ่งเราคุ้นเคยกันดี”
ลาตินกับลีลาศ“คำว่า ‘ลีลาศ’ มันเป็นภาษาไทย ซึ่งมาจากคำว่า ‘แดนซ์’ ในภาษาอังกฤษนั่นแหละค่ะ เราบัญญัติศัพท์คำว่าลีลาศ แทนคำว่าเต้นรำ เพราะคำว่าเต้นรำเมื่อเป็นคำผวนแล้วฟังดูไม่ดี” ครูจิ๋มเล่า “คนไทยพอได้ยินคำว่าลีลาศก็มักจะคิดถึงจังหวะเนิบๆ ช้าๆ แต่จริงๆ แล้วการเต้นลีลาศทุกประเภทมันเป็น Basic Figures(ท่าเต้นพื้นฐาน) เดียวกัน แตกต่างกันที่สไตล์การเต้น พอมีคำว่าลาตินเข้าไปมันจะเป็นอะไรที่แรงขึ้น ความแข็งแรง ความเร็ว และความเซ็กซี่มันจะต่างกัน”
เต้นเพื่อสุขภาพ
ลาตินเฟียสต้านอกจากเป็นคลาสเต้นรำที่สนุกสนานแล้ว ครูจิ๋มบอกว่ายังเป็นการออกกำลังกายที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย “เรารู้กันอยู่แล้วว่าการเต้นรำคือการออกกำลังกายที่ดีมาก เพราะเราได้เคลื่อนไหวและใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย การเต้นลาตินจะเน้นที่ช่วงล่าง แต่ช่วงบนก็ได้บริหารเหมือนกัน ขาของคุณจะแข็งแรง เพราะเป็นส่วนที่รับบทหนักที่สุด รองลงมาคือก้นและสะโพก จริงๆ แล้วกล้ามเนื้อตั้งแต่หน้าท้องลงไปจะได้ใช้หมดเลยนะ ถ้าเห็นท่าเต้นจะรู้เลยว่าเหนื่อยมาก เพราะใช้แรงเยอะ สังเกตมั๊ยว่าคนที่ชอบเต้นรำรูปร่างจะค่อนข้างฟิตและเฟิร์ม นอกจากนี้การเต้นรำยังเป็นกิจกรรมที่นิยมมากในการเข้าสังคม เป็นการแสดงออกที่สร้างสรรค์ ทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉง และลดความเครียดจากการทำงานได้ รวมทั้งยังเป็นการออกกำลังกายที่ไม่หนักเกินไป และไม่เป็นอันตรายสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ”
เสน่ห์แห่งการเต้น
เส้นทางบนฟลอร์ของครูจิ๋มเริ่มต้นขึ้นในวัย 30 ต้นๆ จากการเป็นคนชอบฟังเพลง โดยเฉพาะแนวลาติน ครูจิ๋มคิดฝันอยากจะเต้นรำกับเขาบ้าง เพราะเธอหลงใหลในจังหวะย่างเท้าที่สอดรับกับจังหวะเสียงเพลงที่เร้าใจ อันเป็นศิลปะที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจมากสำหรับเธอ “แรกเริ่มเดิมทีเป็นคนชอบฟังเพลงลาติน จริงๆ แล้วฟังมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ตอนนั้นไม่ได้ชอบเต้นนะ ชอบฟังอย่างเดียว ตอนเด็กๆ ไม่รู้หรอกว่ามันคือเพลงลาติน โตมาถึงได้รู้ พอสนใจก็เริ่มศึกษาด้วยตัวเอง อ่านหนังสือ ซื้อเทปมาดู หรือไปดูการแข่งขันที่เมืองนอก ที่ชอบเต้นรำเพราะมันไม่เหมือนกีฬาชนิดอื่นๆ ที่ใช้เฉพาะพละกำลังอย่างเดียว แต่การเต้นรำต้องใช้ทั้งความแข็งแรง ต้องเป็นคนที่มีอารมณ์ศิลปะ มีลีลา และต้องรู้จักแสดงด้วย เหมือนกับเอาศิลปะทั้งสองอย่างมารวมเข้าด้วยกัน การเต้นลาตินไม่ยากหรอกค่ะ สิ่งสำคัญอยู่ที่ใจ การเต้นที่ดีนั้นต้องใช้ใจเต้นด้วย ส่วนเทคนิคต่างๆ เราสามารถฝึกและพัฒนาได้ภายหลัง เพราะฉะนั้นคนเรียนต้องมีใจรัก บังคับกันไม่ได้” ครูจิ๋มเริ่มเต้นลาตินมาได้ 10 กว่าปีแล้ว แม้ตอนนี้วัยจะย่างเข้า 48 ปี แต่เธอบอกว่ายังมีไฟและจะยังคงเต้นต่อไป...แล้วคุณล่ะพร้อมเต้นไปกับเธอหรือยัง?
ที่มา http://women.thaiza.com/detail_58903.html